‘AIMIRT’ โชว์ฟอร์มผลงานปี 66 ขึ้นแท่นรีทอุตสาหกรรมอันดับหนึ่ง ครองแชมป์ปันผลทั้งปีสูงสุด 0.884 บาทต่อหน่วย ยีลด์สูงกว่า 8.5% เตรียมพร้อมแปลงสภาพ PPF หนุนรายได้และขนาดทรัพย์สินโตแข็งแกร่ง

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2566 แข็งแกร่ง รายได้รวมทั้งปีทุบสถิติสูงสุดใหม่ 912 ล้านบาท โตต่อเนื่องกว่า 5% จากปีก่อนหน้า กำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการลงทุนสุทธิ) ยืนที่ระดับที่แข็งแกร่ง 526 ล้านบาท ครองแชมป์จ่ายปันผลสูงต่อเนื่องรวมทั้งปี 0.884 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงถึง 8.5% ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่ทั้งปีเฉลี่ย 97% สูงสุดในกลุ่มรีทอุตสาหกรรม มั่นใจแปลงสภาพ PPF เข้ารวมกับกองทรัสต์ AIMIRT ช่วยเสริมรายได้เติบโตมั่นคง

นางสาวญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เปิดเผยว่า ในปี 2566 กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ กวาดรายได้รวมไปกว่า 912 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนหน้า เติบโตอย่างต่อเนื่องและนับเป็นสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีปัจจัยส่วนหนึ่งจากการรับรู้รายได้เต็มทั้งปีจากโครงการที่กองทรัสต์ได้เข้าลงทุนเพิ่มเติมทั้งสองโครงการในปี 2565 รวมถึงการรักษาอัตราการเช่าที่แข็งแกร่ง โดยเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ระดับ 97% สูงสุดในกลุ่มรีทอุตสาหกรรมในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการกระจายตัวอย่างดีของประเภททรัพย์สินในพอร์ต กลุ่มผู้เช่าและอุตสาหกรรมปลายทางที่หลากหลาย รวมถึงการที่กองทรัสต์มีอายุสัญญาเช่าของผู้เช่าพื้นที่โดยเฉลี่ยที่สูง จึงส่งผลให้ ‘AIMIRT’ ครองแชมป์รีทอุตสาหกรรมอันดับหนึ่ง จ่ายเงินปันผลรวมทั้งปีสูงสุด 0.884 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงถึง 8.5% (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2566) เตรียมจ่ายปันผลงวดสุดท้ายไตรมาส 4/2566 ในอัตรา 0.2150 บาทต่อหน่วย กำหนดขึ้น XD วันที่ 11 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 28 มีนาคม 2567

ด้านนายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 ว่ากองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ว่ายังคงสามารถยืนหยัดเป็นผู้นำของรีทอุตสาหกรรมในประเทศไทย การจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของทรัพย์สินในกองทรัสต์และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ มุ่งเป้าเดินหน้าแผนแปลงสภาพ PPF เข้ารวมกับกองทรัสต์ AIMIRT เสริมความมั่นคงของกองทรัสต์

“ผลการดำเนินงานในปี 2566 เป็นภาพสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการกองทรัสต์อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารทรัพย์สินที่มุ่งเน้นการรักษาฐานผู้เช่าที่มีศักยภาพ และการบริหารจัดการโครงสร้างทางการเงินอย่างรัดกุม โดยบริษัทฯ ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อิสระตั้งเป้าขยายทรัพย์สินในพอร์ตของกองทรัสต์ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน และในปีนี้ยังคงมุ่งเน้นที่แผนการแปลงสภาพ PPF ซึ่งยังคงดำเนินอยู่ภายใต้กรอบเวลาที่วางแผนไว้ โดย ณ ปัจจุบันแบบไฟลิ่งได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้วและอยู่ในระหว่างรอให้แบบไฟลิ่งมีผลบังคับใช้ พร้อมกันกับการรอให้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปรับลดค่าธรรมเนียมจากการแปลงสภาพของกรมที่ดินมีผลบังคับใช้เช่นกัน โดยเชื่อมั่นว่าการแปลงสภาพ PPF เข้ามารวมกับกองทรัสต์ AIMIRT จะช่วยหนุนรายได้และผลประกอบการของกองทรัสต์ AIMIRT ให้เติบโตอย่างมั่นคง เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยของกองทรัสต์ อีกทั้งช่วยกระจายความเสี่ยงของทรัพย์สินในพอร์ตให้ดีขึ้น” นายจรัสฤทธิ์กล่าว

สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ PPF เข้ารวมกับกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ในครั้งนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ได้มีมติอนุมัติด้วยเสียงโหวต 100% โดยกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินของกองทุนรวมอสังหาฯ PPF ทั้งหมด ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1 ปิ่นทอง 2 และปิ่นทอง 3 ในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ประกอบด้วย โรงงานและคลังสินค้าจำนวน 90 ยูนิต รวมพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดประมาณ 143,900 ตารางเมตร มูลค่าลงทุนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,600 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินประเภทกรรมสิทธิ์ (Freehold) ทั้งหมด ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติม คาดว่ากองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะมีขนาดทรัพย์สินเพิ่มขึ้นแตะ 13,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 20% และส่งผลให้กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีสัดส่วนของมูลค่าทรัพย์สินประเภท Freehold สูงขึ้น และทรัพย์สินในพอร์ตมีการกระจายตัวที่ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยง พร้อมสร้างความมั่นคงให้กับรายได้และผลประกอบการของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้ในระยะยาว