‘AIMIRT’ ยืนหนึ่ง รักษาแชมป์ปันผลรายไตรมาสสูงสุดในกลุ่มรีทอุตสาหกรรม โชว์ฟอร์มรายได้ 9 เดือนแรกปี 66 โตต่อเนื่อง เผยการแปลงสภาพ PPF เดินหน้า มั่นใจโตตามเป้า

กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ยืนหนี่ง ปันผลสูงตามคาด เตรียมจ่ายปันผลงวดไตรมาส 3/2566 สูง 0.2230 บาทต่อหน่วย รักษาแชมป์รีทอิสระอันดับหนึ่งที่จ่ายปันผลรายไตรมาสสูงสุดในกลุ่มรีทอุตสาหกรรม สะท้อนผลการดำเนินงานมั่นคง อัตราการเช่าแข็งแกร่ง และการบริหารจัดการโครงสร้างทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เผยความคืบหน้าการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ PPF เข้ารวมกับกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ อยู่ระหว่าง ก.ล.ต. พิจารณาไฟลิ่ง หลังผู้ถือหน่วยไฟเขียวโหวตผ่าน 100%

นางสาวญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 3/2566 กองทรัสต์มีรายได้รวม 223 ล้านบาท รวม 9 เดือนแรกของปี 2566 กวาดรายได้ไปกว่า 686 ล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่องเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการรับรู้รายได้จากโครงการ LF และ PCW ที่กองทรัสต์เข้าลงทุนเพิ่มเติมในปี 2565 อีกทั้งยังคงสามารถรักษาอัตราการเช่าเฉลี่ยที่แข็งแกร่งในระดับ 95% - 98% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดในกลุ่มรีทอุตสาหกรรม และด้วยการวางแผนจัดการโครงสร้างทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพของกองทรัสต์ จึงช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ยังคงสามารถเดินหน้าจ่ายปันผลรายไตรมาสในระดับที่สูงติดกันต่อเนื่อง โดยสำหรับงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 บอร์ดมีมติอนุมัติจ่ายปันผลที่ 0.2230 บาทต่อหน่วย รักษาสถิติปันผลรายไตรมาสสูงสุดในกลุ่มรีทอุตสาหกรรมอีกครั้ง โดยมีกำหนดขึ้น XD วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 13 ธันวาคม 2566

ด้านนายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2566 ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของรายได้ที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องตามการขยายตัวของพอร์ตทรัพย์สินของกองทรัสต์ โดยเราให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพย์สินในทุกโครงการอย่างเต็มที่ และมุ่งเน้นในการรักษาฐานผู้เช่าที่มีศักยภาพในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งเหล่านี้ จึงทำให้กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ สามารถรักษาการจ่ายปันผลในระดับที่สูงโดดเด่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดความสำเร็จในการเฟ้นหาทรัพย์สินคุณภาพเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้แนวโน้มในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี คาดว่าภาพรวมอัตราการเช่าทรัพย์สินของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะยังคงแข็งแกร่ง สอดรับดีมานด์ภาคการผลิตและภาคการขนส่งที่ดีต่อเนื่อง

นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ได้เปิดเผยความคืบหน้าของการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ PPF เข้ารวมกับกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ว่า หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติด้วยเสียงโหวต 100% ทางผู้จัดการกองทรัสต์ได้เดินหน้ายื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมั่นใจว่าการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ PPF เข้ารวมกับกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นให้กับผู้ถือหน่วย และหนุนให้เป้าหมายขยายพอร์ตทรัพย์สินโตแตะ 2 หมื่นล้านภายในปี 2568 ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เป็นไปได้ตามแผน

สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ PPF เข้ารวมกับกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ในครั้งนี้ กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินของกองทุนรวมอสังหาฯ PPF ทั้งหมด ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1 ปิ่นทอง 2 และปิ่นทอง 3 ในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ประกอบด้วย โรงงานและคลังสินค้าจำนวน 90 ยูนิต รวมพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดประมาณ 143,900 ตารางเมตร มูลค่าลงทุนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,600 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินประเภทกรรมสิทธิ์ (Freehold) ทั้งหมด ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติม คาดว่ากองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะมีขนาดทรัพย์สินเพิ่มขึ้นแตะ 13,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 20% และส่งผลให้กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีสัดส่วนของมูลค่าทรัพย์สินประเภท Freehold สูงขึ้น และทรัพย์สินในพอร์ตมีการกระจายตัวที่ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยง พร้อมสร้างความมั่นคงให้กับรายได้และผลประกอบการของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้ในระยะยาว