กองทรัสต์ AIMIRT ปิดปี 2565 ลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินใหม่ ครองอันดับหนึ่งจ่ายปันผลต่อไตรมาสสูงสุดในกลุ่ม Industrial REIT เป้าพอร์ตทรัพย์สินโต 2 หมื่นล้านบาท ใกล้แค่เอื้อม

กองทรัสต์ AIMIRT ประกาศความสำเร็จส่งท้ายปีด้วยการเข้าลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพประเภทโรงงาน มูลค่าไม่เกิน 575 ล้านบาท รับรู้รายได้จากทรัพย์สินที่มีผู้เช่าเต็ม 100% ได้ทันที พร้อมประกาศจ่ายปันผลงวดไตรมาส 4/2565 อัตรา 0.2230 บาทต่อหน่วย ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของการจ่ายปันผลต่อไตรมาสสูงสุดในกลุ่ม Industrial REIT ทำให้ทั้งปี 2565 จ่ายปันผลสูงถึง 0.8900 บาทต่อหน่วย และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการขยายพอร์ตทรัพย์สินให้ถึง 20,000 ล้านบาทในอนาคตอันใกล้ กองทรัสต์ AIMIRT พร้อมลุยต่อในการมองหาโอกาสในทรัพย์สินใหม่ที่มีศักยภาพเพิ่มเติมอีกหลายโครงการในปีนี้

นางสาวญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ กองทรัสต์ AIMIRT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2565 มีรายได้รวม 867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน 566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งรายได้และผลกำไรจากความแข็งแกร่งของผู้เช่าปัจจุบัน และผู้เช่าใหม่จาก 2 โครงการที่กองทรัสต์ AIMIRT ได้เข้าลงทุนเพิ่มเติมในปี 2565 ถูกสะท้อนมาในรูปแบบของการจ่ายเงินปันผลที่เติบโตและต่อเนื่องในทุกๆไตรมาส โดยในไตรมาส 4/2565 ประกาศเตรียมจ่ายเงินปันผลอีก 0.2230 บาทต่อหน่วย ทำสถิติสูงที่สุดในกลุ่ม Industrial REIT ด้วยกัน โดยเตรียมจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 มีนาคม 2566 โดยรวมแล้วทั้งปีที่ผ่านมา กองทรัสต์ AIMIRT ได้จ่ายปันผลไปแล้วสูงถึง 0.8900 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่น่าพอใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราผลตอนแทนและระดับความเสี่ยงจากการลงทุนในด้านอื่นๆ ท่ามกลางสถานการ์ณเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ค่อนข้างจะผันผวนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา กองทรัสต์ AIMIRT ได้มีการลงทุนในโครงการใหม่ 2 โครงการ คือ โครงการลิฟวิ่ง แอนด์ ฟาซิลิตี้ (LF) ที่เข้าลงทุนสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 เป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ในเขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง และมีบริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด มาเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นพันธมิตรใหม่ที่แข็งแกร่งและจะสามารถสนับสนุนการดำเนินธุรกิจร่วมกันกับกองทรัสต์ AIMIRT ในอนาคตได้เป็นอย่างดี ในขณะที่โครงการพรีเชียส วู้ด อินดัสทรี้ ที่เพิ่งเข้าลงทุนสำเร็จไปเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 เป็นการลงทุนในสิทธิการเช่าโรงงาน มูลค่าไม่เกิน 575 ล้านบาท ทำเลตั้งอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งใกล้กับสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ทำให้สะดวกแก่การคมนาคมขนส่ง โดยทั้ง 2 โครงการมีพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้น 66,881 ตารางเมตร และมีอัตราการเช่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 100 โดยกองทรัสต์ AIMIRT สามารถรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโครงการได้ทันที

ส่วนในปีนี้ กองทรัสต์ AIMIRT ได้มองหาความเป็นไปได้ของทรัพย์สินใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตเพิ่มอีกหลายโครงการ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2566 ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ AIMIRT ยังคงเติบโตอย่างโดดเด่นจากการรับรู้รายได้จากทรัพย์สินใหม่ที่ลงทุนเพิ่มเติมไปแล้วเต็มปี

นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน กองทรัสต์ AIMIRT มีมูลค่าทรัพย์สินรวมอยู่ที่มากกว่า 11,000 ล้านบาท การเจริญเติบโตของรายได้และผลการดำเนินงานอย่างมีเสถียรภาพ อีกทั้งความสามารถในการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอนั้นได้รับแรงขับเคลื่อนมาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรง การกระจายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ มีผู้เช่าที่แข็งแกร่งจากธุรกิจหลายประเภท และทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ ทำให้อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยของกองทรัสต์ AIMIRT อยู่ในระดับที่สูงมากมาโดยตลอด นอกจากนี้ การปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2565 เพื่อรับมือกับสถาณการณ์เงินเฟ้อในประเทศไทย และเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลก กองทรัสต์ AIMIRT ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือกับความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในตลาดมาโดยตลอด ด้วยการวางแผนจัดการโครงสร้างทางการเงินให้มีส่วนประกอบของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและความผันผวนด้านต้นทุนทางการเงินได้เป็นอย่างดี

การคิดวิเคราะห์สถาณการณ์ต่างๆในการดำเนินงานอย่างรอบคอบประกอบกับการเตรียมความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนและหาแนวทางแก้ไขปัญหาอยู่ตลอดเวลาของกองทรัสต์ AIMIRT จะทำให้กองทรัสต์สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังเช่นในอดีตที่ผ่านมาที่กองทรัสต์ AIMIRT สามารถก้าวผ่านสถานการณ์ COVID-19 มาได้อย่างดีเยี่ยม และสามารถเติบโตอย่างโดดเด่นสมกับการเป็นผู้นำด้าน Independent REIT